วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2554

แม่ ‘น้องเบิร์ด’ โวย อนุฯ คอป.สอบข้อเท็จจริง ถามปรองดองได้ไหม เรียกค่าเสียหายเท่าไร


นางนารี แสนประเสริฐศรี แม่ของนายมานะ แสนประเสริฐศรี หรือ ‘เบิร์ด’ อาสากู้ภัยมูลนิธิปอเต็กตึ๊งที่ถูกยิงที่ศรีษะเสียชีวิตบริเวณปากซอยงามดูพลี เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2553 ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ (31 มี.ค.) ได้รับการติดต่อให้เข้าไปให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเสียชีวิตของลูกชายคนเล็กกับอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงบริเวณบ่อนไก่ ภายใต้คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ว่า คณะอนุกรรมการชุดดังกล่าวได้มาลงพื้นที่ชุมชนบ่อนไก่เมื่อวันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา และวันนี้ได้ติดต่อมาให้ตนเข้าไปเล่าข้อเท็จริง โดยถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น นอกจากนั้นยังสอบถามด้วยว่าจะสามารถปรองดองได้หรือไม่ สามารถคำนวณเป็นค่าเสียหายได้หรือไม่ หากคำณวนเงินเดือนปัจจุบันนับจนถึงอายุ 60 จะเป็นที่พอใจไหม ซึ่งตนปฏิเสธไปทั้งหมด
 
“เราบอกเราไม่พอใจ ชีวิตลูกเราทั้งคน เอาคืนไม่ได้ ชีวิตคนไม่ใช่ผักปลา จะมาพูดง่ายๆ อย่างนี้ได้ยังไง แล้วเราก็มีเพื่อนอีกเยอะแยะ อีก 91 ศพ มันไม่ใช่เราคนเดียวจะตอบได้ คนเจ็บที่นอนอยู่อีก คนติดคุกที่ไม่ได้ออกอีกล่ะ จะปรองดองได้ไหมก็ต้องไปถามพวกนี้ด้วย” นางนารีกล่าว
 
“เขาแค่ถาม แล้วก็จดเอาไว้ เราก็บอกว่าไปทำให้ถูกต้องก่อนแล้วค่อยมาคุย” นางนารีกล่าว
 
ทั้งนี้ นางนารีกล่าวถึงเหตุการณ์ในวันที่ 15 พ.ค.53 ว่า เบิร์ดได้ออกจากบ้านไปช่วยดับไฟที่ไหม้ตู้โทรศัพท์หน้าซอยงามดูพลีก่อนแล้วในช่วงบ่าย แล้วกลับมากินข้าว จากนั้นเมื่อทราบว่ามีคนถูกยิงได้รับบาดเจ็บก็ออกจากบ้านไปอีก เขาถูกยิงที่ศรีษะหลังจากเข้าไปช่วยเหลือคนเจ็บออกจากพื้นที่กระสุนได้ 2 คนในจำนวน 3 คน โดยขณะปฏิบัติงานนั้นมีเครื่องแบบกู้ภัย รวมถึงถือธงสัญลักษณ์กาชาดด้วย
 
สำหรับประวัติของเบิร์ดนั้น ผู้เป็นแม่เปิดเผยว่า เบิร์ดเป็นลูกชายคนเล็กในบรรดาลูก 4 คน และมีนิสัยชอบช่วยงานอาสาสมัครมาตั้งแต่ยังเล็ก อายุ 10 กว่าปีก็ไปนั่งเฝ้าดูรถดับเพลิงที่สถานีดับเพลิงใกล้บ้าน และเมื่อโตขึ้นก็มักติดตามไปช่วยงานดับเพลิงเป็นประจำ รวมทั้งงานอาสาสมัครช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจนกระทั่งเรียนหนังสือไม่จบ และออกมาทำงานรับจ้างขนของ ขายขนมปัง ขับมอเตอร์ไซด์รับจ้าง ขับแท็กซี่ ในช่วงเหตุการณ์สึนามิเบิร์ดก็ลงพื้นที่ไปเป็นอาสาสมัคร และเมื่อสอบเข้าเป็นอาสาสมัครของมูลนิธิปอเต๊กตึ๊งเต็มตัวเบิร์ดรู้สึกภูมิใจมาก

ที่มา : ประชาไท

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น