วันอาทิตย์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

สมยศไม่ได้ประกันคดีหมิ่นฯยันสู้ต่อยกเลิก112 ทนายเผยเกมการเมืองช่วงเลือกตั้งเจตนาโยงทักษิณ

จากกรณีการจับกุมตัว นายสมยศ  พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย และบรรณาธิการบริหารนิตยสาร วอยซ์ ออฟ ทักษิณ ในข้อหาหมิี่นพระบรมเดชานุภาพ มาตรา112 โดยกรมสืบสวนคดีพิเศษ(DSI) บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองอรัญประเทศ ในเวลาประมาณ 19.00น.ของวันที่ 30 เมษายน  2554  เจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ ได้นำตัวนายสมยศมาถึง สำนักงานกรมสืบสวนคดีพิเศษ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ กรุงเทพ  โดยในการมาดังกล่าวทางดีเอสไอ ได้ปฏิเสธไม่ให้คนใกล้ชิดและสื่อมวลชนเข้าพบตัวนายสมยศ
23.00 น. นายสุวิทย์ ทองนวล ทนายความประจำตัวของนายสมยศ  จึงได้แถลงต่อผู้สื่อข่าวหลังจากที่ได้เข้าไปพูดคุยปรึกษากับนายสมยศ โดยกล่าวว่าคดีของนายสมยศ ถือว่าเป็นคดีการเมืองอันมีเหตุเนื่องมาจากการจะเข้าสู่ช่วงเทศกาลเลือกตั้ง นิตยสารวอยซ์ออฟทักษิณ ซึ่งนายสมยศเป็นบรรณาธิการ ชื่อนิตยสารเป็นชื่อที่สามารถโยงเข้าสู่คนที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลปัจจุบัน การดำเนินคดีนายสมยศในมาตรา112 จึงเป็นการดำเนินคดีที่หวังผลทางการเมืองในช่วงเลือกตั้งเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายรัฐบาล

นายสุวิทย์ ทนายความ ได้กล่าวต่อว่าคดีดังกล่าวมีวงเงินประกันสามแสนบาท  โดยทางนายสมยศ นำหลักทรัพย์มูลค่าหนึ่งล้านหกแสนบาทเพื่อใช้ในการประกันตัว  แต่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ คัดค้านการประกันโดยให้เหตุผลว่า ผู้ต้องหาไม่ได้มารายงานตัวตามหมายเรียก ถูกจับกุมตัวระหว่างที่จะเดินทางออกนอกประเทศ และเกรงว่าจะยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ซึ่งตนคิดว่าเป็นเหตุผลที่ฟังดูตลกเนื่องจาก หลังการออกหมายจับเมื่อวันที่ 12 กพ.ที่ผ่านมา นายสมยศซึ่งทำกิจกรรมจัดทัวร์ก็ได้เคยเดินทางออกนอกประเทศมาแล้วแต่ก็ไม่มีการจับกุม แต่พอมาถึงช่วงเทศกาลเลือกตั้งดีเอสไอก็ได้การจับกุมทันที
ทนายความของนายสมยศได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของนายสมยศเป็นเหตุเนื่องมาจากบทความในนิตยสารวอยซ์ออฟทักษิณที่เขียนโดย จิต พลจันทร์ สองฉบับที่ตีพิมพ์เผยแพร่ต่อเนื่องในเดือน กุมภาพันธ์และมีนาคม 2553 โดยเริ่มแรก ศอฉ.ได้เป็นผู้ดำเนินการและได้โอนเรื่องมาให้ดีเอสไอเป็นผู้รับผิดชอบต่อ  ในส่วนการพิจารณาว่าบทความดังกล่าวหมินหรือไม่นั้น ทางเจ้าหน้าที่มีวิธีการโดยที่นำบทความดังกล่าวมาให้วิญญูชนอ่าน ซึ่งหากเมื่อได้อ่านแล้วมีความเห็นว่ามีเจตนาหมิ่นจึงได้ดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป
นายสุวิทย์  เลิศไกรเมธี  แกนนำกลุ่ม 24มิถุนาประชาธิปไตย ผู้อยู่ร่วมกับนายสมยศขณะถูกจับกุม ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า"วิญญูชน"มีความหมายถึงประชาชนที่มีพื้นฐานทางประวัติศาสตร์ในระดับประถมขึ้นไป ซึ่งมีปัญหาว่าการตีความบทความจะขึ้นอยู่กับทัศนะทางการเมืองของคนๆนั้น แต่ในส่วนบทความทางการเมืองที่ถูกกล่าวอ้างเป็นหลักฐานว่ามีเจตนาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนั้น ตนมองว่าหากให้คนที่มีแนวคิดอนุรักษ์นิยมอ่านก็คงจะบอกว่าหมิ่น แต่ถ้าให้คนที่รักประชาธิปไตยอ่านก็จะบอกว่าไม่หมิ่น
นายสุวิทย์ ซึ่งเป็นผู้ที่อยู่ร่วมกับนายสมยศขณะถูกจับกุมได้กล่าวต่อว่า นายสมยศได้ฝากประเด็นมานำเสนอดังนี้คือ ประเด็นแรกดีเอสไอหรือหน่วยงานความมั่นคงกำลังนำสถาบันกษัตริย์มาเดิมพันกับประชาชน  หมายความว่ากำลังเอาความสุ่มเสี่ยงต่อความอยู่รอดของสถาบันนำมาใช้เป็นเครื่องมือ ไม่ว่าดีเอสไอ หรือหน่วยงานความมั่นคงทั้งหลายจะเจตนาดีอย่างไรแต่ในท้ายที่สุดจะส่งผลกระทบกลับไปที่สถาบันฯเอง  ประเด็นที่สอง นายสมยศยืนยันว่าการเคลื่อนไหวต่อสู้ที่จะยกเลิกมาตรา112ยังคงดำเนินต่อไปไม่ว่าตนเองจะติดคุกหรือไม่ได้ประกันตัว  นายสมยศ ขอให้พี่น้องที่ร่วมกันต่อสู้ให้เดินไปข้างหน้าต่อไป และเรียกร้องให้องค์กรสิทธิมนุษยชน องค์กรประชาธิปไตยทั้งในและต่างประเทศ ให้ร่วมกันเขียนจดหมายเปิดผนึกถึงรํฐบาล ดีเอสไอ รัฐสภา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรวมถึงสำนักพระราชวัง เพื่อชี้ให้เห็นถึงความทุกข์ยากของประชาชนในการออกมาต่อสู้และเพื่อให้เห็นว่ากฎหมายตัวนี้มันมีีปัญหาจริงๆในแง่ของการพัฒนาประชาธิปไตย นายสุวิทย์ได้ยืนยันในตอนท้ายว่านายสมยศและผู้อื่นที่เกี่ยวข้องไม่ได้มีเจตนาที่จะล้มล้างสถาบัน แต่ต้องการให้สถาบันและประชาชนสามารถอยู่ร่วมกันภายใต้ระบอบประชาธิปไตย
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่าทางดีเอสไอจะสอบปากคำให้แล้วเสร็จและจะนำตัวส่งฟ้องที่ศาลอาญาในวันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม 2554 เวลา 10.00 น.และเนื่องจากคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เป็นคดีที่มีความอ่อนไหว และไม่สามารถนำรายละเอียดและเนื้อหาของการกระทำผิดมาเปิดเผยซ้ำได้ ดีเอสไอจึงจะให้ข่าวต่อสื่อมวลชนในวันนั้น  และ
รายงานล่าสุดทางดีเอสไอได้ย้ายนายสมยศไปขังไว้ที่ สนง.ตำรวจกองปราบ เนื่องจากเกรงว่าจะมีการนำมวลชนมากดดัน
ที่มา : ประชาไท

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น