วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2554

"คำ ผกา" ชำแหละปัญหา "แม่ชีทศพร" อวัยวะเพศหญิงเท่ากับประตูเมืองตั้งแต่เมื่อไร?

"ล้อมกรอบ" เมื่อปัญญาชนร่วมสมัยวิพากษ์แม่ชี แต่เห็นต่างกับนิพิฏฐ์


คำสอนพิศดารของ "แม่ชีทศพร เทวาพิทักษ์ธรรม"  เป็นข่าวร้อน เมื่อนักข่าวใหญ่อย่าง "สรยุทธ สุทัศนะจินดา" หยิบมาเป็นประเด็นข่าวในช่อง 3   ล่าสุดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม "นิพิฏฐ์ อินทรสบัติ"  บุกถึงวัดพิชัยญาติ  พร้อมเตือนให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมคำสอน   ถ้าไม่เช่นนั้น จะโดนมาตรการทางการปกครอง   แม่ชีชื่อดังถึงกับเสียงอ่อย ยอมรับจะปรับปรุงคำสอนใหม่


แต่ก่อนที่ "แม่ชีทศพร" จะตกเป็นประเด็นข่าวของ "สรยุทธ"   แม่ชีทศพร เคยถูก "ลักขณา ปัณวิชัย" หรือ "คำ ผกา " ตั้งข้อสังเกตในคำสอนเรื่องการแก้กรรมของแม่ชีดังมาก่อนแล้ว

ในรายการคิดเล่นเห็นต่าง กับ คำผกา ซึ่ง "คำ ผกา" ดำเนินรายการร่วมกับ "อรรถ บุนนาค" ทาง VoiceTV

คำ ผกา ได้ตั้งข้อสังเกตถึงการมองเรื่องบาปบุญว่า "เรื่องของน้ำหนักบาปน้ำหนักบุญ มันเป็นเรื่องของโลกที่มีการชั่งตวงวัดกันแล้ว ในสมัยเมื่อสองพันห้าร้อยปีก่อน ไม่มีเครื่องชั่ง คนก็คงไม่ความรู้เรื่องบุญบาปที่น้ำหนัก ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่ต้องนำไปคิดต่อว่า เรื่องบาปและนี้มันจะเอาไปชั่งน้ำหนัก  ว่าทำบาป 3 กิโล ทำบุญ 5 กิโล มันเอามาหักล้างกันได้หรือเปล่า"

อย่างไรก็ตาม ความเชื่อทางศาสนา และวิถีปฏิบัติทางศาสนาเป็นรสนิยม และเป็นสิทธิส่วนบุคคล ที่จะทำยังไงก็ได้ วิธีใดก็ได้ แค่ไม่ให้คนอื่นเดือดร้อน ไม่ไปละเมิดสิทธิคนอื่น

"แต่คนที่ทำบุญมากๆ มันมักจะคิดว่าตนเป็นคนมีบุญมาก เช่น คนที่กินเจ กินนิดหน่อยก็คิดว่าตัวเองมีบุญมาก เหนือกว่าคนอื่น ก็เลยไปตัดสินคนอื่่น ที่ไม่ได้กินเจเหมือนตัวเองว่าเป็นคนบาปหนา" 

และไม่เห็นด้วยกับการที่ใครซักคนหนึ่งมาสถาปนาว่าความรู้ทางพุทธศาสนาของ ตัวเองถูกต้องที่สุด อ่านพระไตรปิฎก เจนจบ เข้าใจจำได้ทุกถ้อยคำ แสดงว่าจะต้องถ่องแท้ ในธรรมวัจนะของพระพุทธเจ้ามากกว่าคนอื่นที่ยังคงไปขูดต้นตะเคียนขอหวย เพราะความรู้ทางพุทธศาสนาผ่านมาสองพันห้าร้อยปี ต้องมีการประทะกับหลายวัฒนธรรม เพราะฉะนั้นมันไม่ควรมีการตัดสินว่าอะไรผิดอะไรถูก

สำหรับ คลิปวิดีโอ การแก้กรรมของแม่ชีทศพร เทวาพิทักษ์ธรรม  ที่ทางรายการนำมาเป็นตัวอย่างนั้น เป็นกรณีของผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งมีปัญหาครอบครัวกับสามี แม่ชีทศพรจึงเทศน์สอนว่า ถ้าล่วงเกินสามี จะไม่มีความเจริญ จะเป็นหนี้ตลอด ความเป็นศักดิ์ศรีผู้ชายมีมากกว่าผู้หญิง 200 เท่า ไปหงุดหงิดใส่เขาทำอะไรไม่เจริญ ต้องเรียกเขาว่าพี่จ๋า พูดให้เพราะๆ ชีวิตที่เป็นหนี้เพราะไม่ให้เกียรติสามี ดังนั้นจึงต้องกราบสามีทุกวัน      

คำ ผกา  แสดงความเห็นว่า "ในการอ่านกรรมของแม่ชี มันมีปัญหา ข้อแรกคือ ปัญหาสัมพันธ์ชาย-หญิงของแม่ชี แม่ชีบอกว่า "ผู้ชายมีศักดิ์ศรีมากกว่าผู้หญิง 200 เท่า" แม่ชีเองก็เป็นผู้หญิง ลูกศิษย์ที่มาไหว้น้ำหูน้ำตาไหลก็เป็นผู้หญิง จะมีใครซักคนคิดบ้างมั้ยว่า ทำไมปล่อยให้แม่ชีมากำหนดว่าผู้ชายมีศักดิ์ศรีมากกว่าผู้หญิง 200 เท่า แม่ชีเอาอะไรมาวัด มันเป็นที่ยอมรับกันว่าเด็ก คนแก่ คนพิการ หรือใครก็ตามที่เกิดมาเป็นมนุษย์แล้วเนี่ย ย่อมมีศักดิ์ศรีเท่ากัน"

นอกจากนี้การวิเคราะห์กรรมของแม่ชีในความคิดของคำ ผกา "ยังเลยเถิดไปถึงการให้ผู้หญิงต้องกราบสามี ผู้หญิงห้ามล่วงเกินสามี ถ้าผู้หญิงไม่เอาใจสามี ไม่เรียกสามีว่าพี่จ๊ะ พี่จ๋า ไม่กราบเท้าก่อนนอน จะทำมาค้าไม่ขึ้น เป็นหนี้เป็นสิน อันนี้เป็นตรรกะที่แย่มาก แล้วผู้หญิงจะอยู่ได้ยังไง หรือจะเรื่องทำแท้ง ที่ครอบครัวเป็นหนี้ เพราะกรรมจากการทำแท้ง ถ้าผู้หญิงมีกรรมจากการที่ผีเด็กไล่ตาม ขอถามว่าทำไมผีเด็กไม่ไปตามผู้ชายบ้าง ผู้หญิงจะท้องเองไม่ได้ มันตัองมีผู้ชายด้วย"

ปัญหาที่สองของแม่ชีคือ นอกจากคลิปไม่เคารพสามีแล้ว ยังมีอีกคลิปหนึ่ง เป็นผู้หญิงมาปรึกษาแม่ชีว่าถูกผู้ชายฟันแล้วทิ้งครั้งแล้วครั้งเล่า ไปทำกรรมอะไรมา แม่ชีบอกว่าชาติที่แล้วไปเปิดประตูให้พม่าเข้ามาเผาเมือง "แล้ว แปลว่าอะไร คำเปรียบเปรยว่าอวัยวะเพศหญิง เท่ากับประตูเมืองมีมาตั้งแต่เมื่อไหร่ อันนี้แม่ชีคิดขึ้นมาเอง แล้วเรื่องที่ผู้หญิงมีประสบการณ์ทางเพศกับผู้ชายหลายคนเนี่ย ทำไมแม่ชีต้องมองเป็นกรรม ทำไมต้องมองว่าเป็นการถูกกระทำ เพราะเราสามารถตีความว่าเป็นกำไรชีวิตก็ได้ ถ้าหากว่าคนที่ไม่เคยมีใครมาฟันเนี่ย จะมองได้มั้ยว่าเป็นกรรมที่ปิดประตูไม่ให้พม่าเข้าเมือง"

ผู้หญิงคนนั้นอาจถูกหล่อหลอมจากสังคมที่นิยามว่าความสุขในชีวิตอยูู่ที่ ชีวิตคู่ มันก่อให้เกิดผลลัพธ์ว่า "ผู้หญิงที่หาผัวได้มีความสุข ผู้หญิงที่หาผัวไม่ได้กลับมีความทุกข์" ฉะนั้นจะอธิบายความทุกข์นี้ว่ามันเกิดจากกรรมหรือการรู้ไม่เท่าทันความคิด ที่ก่อให้เกิดความทุกข์ของเรากันแน่

ดังนั้นเราจะไม่มาเถียงว่ากรรม มีจริงหรือไม่ ชาติที่แล้วมีจริงหรือไม่ แต่เนื้อหาหรือเครื่องมือที่แม่ชีเอามาใช้ในการวิเคราะห์กรรมเนี่ย มันเป็นการล่ามโซ่สติปัญญาคนไทย ไม่ให้คนไทยพัฒนาไปไหนได้เลย ถ้ายังไปกราบแม่ชีที่มีแนวคิดล้าหลังอย่างนี้ แต่ก็ไม่ได้ตัดสินว่าวิธีการอ่านกรรม การเชื่อเรื่องกรรม เป็นความรู้ที่ผิด ที่ต่ำต้อย กว่าการไปเคร่งครัดในพระไตรปิฎก เพราะเมื่อพระพุทธศาสนาตกมาอยู่ในมือสามัญชน หรือพระซักรูปหนึ่ง ที่จะต้องสร้างทางออกเกี่ยวกับความคับข้องใจที่ตัวเองกำลังเผชิญขณะนั้น ความรู้ทางพุทธศาสนาก็เป็นเครื่องมืออย่างหนึ่ง

( เรื่อง/คลิป สรพงศ์ อ่องแสงคุณ )

เมื่อปัญญาชนร่วมสมัยเห็นควร "วิพากษ์" แม่ชีทศพร แต่เห็นต่างกับ "กระทรวงวัฒนธรรม"

ท่ามกลางกระแสข่าวและเสียง วิพากษ์วิจารณ์อย่างครึกโครมที่มีต่อ "แม่ชีทศพร เทวาพิทักษ์ธรรม" ว่าเผยแพร่คำสอนเกี่ยวกับ "การแก้กรรม" ที่ผิดจากหลักธรรมคำสอนอัน "ถูกต้อง" ทางพุทธศาสนา

ในโลกเฟซบุ๊ก มีปัญญาชนสองคนที่แสดงทัศนะว่า แม้คำสอนแก้กรรม "แม่ชีทศพร" สมควรจะถูกตรวจสอบวิพากษ์วิจารณ์ ทว่าก็ไม่เห็นด้วยกับการดำเนินการของกระทรวงวัฒนธรรมที่ขู่ว่าจะเอาผิดกับ แม่ชีผู้นี้ และแสดงท่าทีสั่งสอนสังคมว่าพุทธศาสนานั้นควรมีหลักคำสอนอย่างไร

ปัญญาชนทั้งสอง ได้แก่ วิจักขณ์ พานิช นักวิชาการอิสระด้านพุทธศาสนา (ซึ่งใช้ชื่อในเฟซบุ๊กว่า Tilopa House) และ คำ ผกา ต่อไปนี้ คือ ความเห็นของเขาและเธอในกรณี "แม่ชีทศพร"

Tilopa House (วิจักขณ์ พานิช)

กระทรวงวัฒนธรรมนี่แหละตัว งมงายเลย ไม่ว่าจะเป็นแม่ชี พระยันตระ ใครก็ตาม หรือแม้แต่ต้นตะเคียน ถ้าคนเขาจะศรัทธาเสียอย่าง กระทรวงวัฒนธรรมจะทำไม เสรีภาพในการนับถือศาสนาเป็นของประชาชนทุกคน โอเค ก็หาข้อเท็จจริงสิ วิพากษ์วิจารณ์สิ ให้สังคมร่วมกันตรวจสอบสิ... ไปด่าว่าแม่ชีสอนคนให้ "โง่" แล้วที่กระทรวงวัฒนธรรมแบนโน่นแบนนี่อยู่ทุกวี่ทุกวัน มันช่วยเสริมสร้างความฉลาดให้คนไทยตรงไหนมิทราบ

แม้จะไม่เห็นด้วยกับวิธี การสอน หรือกรอบคิด แต่พอดูคลิปแล้วนับถือใจของแม่ชีมาก ยอมแถลงออกสื่อ รับฟัง ยอมรับผิด ขอโทษ แต่ก็ยังอธิบายจุดยืนของตัวเองด้วยเหตุและผล นิพิฏฐ์ (นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รมว.วัฒนธรรม - มติชนออนไลน์) ซะอีก...ที่ไม่ไหว! และอดคิดไม่ได้ว่า ที่ออกมาไฟท์ขนาดนี้ มันสองมาตรฐานกับแม่ชีหรือเปล่า เจ้าอาวาสวัดใหญ่ๆ บางวัดทำอะไรแผลงยิ่งกว่า คำสอนประหลาดและมีคนเชื่อตามยิ่งกว่า ก็ไม่เห็นจะบุกตะลุยเอาผิดขนาดนี้

จริงๆ การออกมาตรวจสอบก็ดีอยู่แล้วล่ะ แต่น่าจะเป็นลักษณะตั้งคำถามให้สังคมร่วมกันตรวจสอบด้วย ลักษณะของกระทรวงวัฒนธรรม มันเหมือนกลายเป็นเรื่องสอนสังคมว่าอะไรควรจะเป็นยังไง รวมถึงเรื่องศาสนา ซึ่งเราไม่เห็นด้วย ศรัทธาแบบแม่ชีทศพร ไสยศาสตร์ ขูดหวยขอหวย ปลัดขิก ควรมีอยู่ในสังคมไทยต่อไป แต่สังคมจะทำยังไงให้มีส่วนร่วมในการตรวจสอบได้ ตรงนี้เราว่ามันยากน้อยกว่า พวกวัดใหญ่ๆ หรือองค์กรศาสนาแบบเถรสมาคมเสียอีก

คำ ผกา

ไม่เห็นด้วยกับแม่ชี แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับกระทรวงวธ.ที่จะไปจับ ปวดเฮดประเทศบ้าอำนาจจิงๆ



ที่มา : มติชนออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น